Type to search

เรื่องเล่า

ประวัติวัดฝาง และหลวงพ่อกลุ่ม เกจิลุ่มแม่น้ำน้อยที่อ่างทอง

Share
วิหารเก่าแก่กว่า 300 ปี
โบสถ์มหาอุตม์กว้าง 6 เมตรยาว 7.5 เมตรก่อนบูรณะ
ต้นฝางข้าโบสถ์มหาอุตม์

          วัดฝาง  ตั้งอยู่เลขที่ 2 หมู่ที่ 7  ต.ไผ่จำศีล  อ.วิเศษชัยชาญ  จ.อ่างทอง สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย  เป็นวัดราษฎร์  มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่  19 ไร่  ตามหลักฐานของกรมที่ดิน  เจ้าของที่ดินชื่ออำแดงเนต (โสด)  ทิศเหนือติดแม่น้ำน้อย  ทิศใต้ติดถนนวิเศษชัยชาญหมู่บ้านไผ่จำศีล  ทิศตะวันออกติดที่ดินเอกชน และทิศตะวันตกติดแม่น้ำน้อยมีที่ธรณีสงฆ์ 1 แปลง โฉนดที่ 6070 อยู่ติดทุ่งไผ่จำศีล   มีเนื้อที่ 10 ไร่ 2 งาน 36 ตารางวา  เจ้าของที่ดินชื่ออำแดงเนต(โสด)

            วัดฝาง สร้างขึ้นเมื่อก่อน พ.ศ. 2300 ไม่ปรากฏหลักฐานว่าผู้ใดเป็นผู้สร้าง มีอุโบสถมหาอุตม์ กว้าง 6  เมตร ยาว 7.5 เมตร พระราชทานวิสุงคามสีมา  เมื่อ พ.ศ. 2320 มีพระศรีอริยเมตไตรยและพระเชียงแสนปางขัดสมาธิเพชร รอยพระพุทธบาทสมัยกรุงรัตนโกสินทร์มี หอสวดมนต์ไม้สักทองทั้งหลัง เจดีย์เก่าแก่ หน้าวิหารหน้าต่างเวลามหัศจรรย์ที่ต้นโพธิ์ อนุรักษ์ไว้ให้ชมใช้เป็นลานธรรมเหมาะสมอย่างยิ่ง  ต้นไม้ยืนต้นอายุ 200 ปีขึ้นไปหลากหลายชนิดให้ชม เช่นต้นโพธิ์  ต้นตะเคียน ต้นมะพลับ ต้นพิกุล ต้นสำโรง ต้นสารภี ต้นปีบ ต้นกรวย และต้นฝางนามเดียวกับชื่อวัดที่นำมาเป็นยาอุทัย @…

รูปหล่อเหมือนหลวงพ่อกลุ่ม พุทธิญาโณ ด้านหลังพระพุทธรูปสมัยเชียงแสนปางขัดสมาธิ

มีอุปัชฌาย์ทองดี  เป็นเจ้าอาวาสองค์แรก  ท่านเป็นเจ้าคณะแขวงและเป็นพระหมอโบราญ มีกุฏิไม่กี่หลัง เดิมสร้างอยู่ด้านหน้าอุโบสถ ใกล้กับต้นขนาบในปัจจุบัน ท่านนำท่อนไม่ใหญ่มาขุดเป็นเรือยาว   จำนวน 50 ฝีพาย บางครั้งใช้นั่งเดินทางไปเป็นอุปัชฌาย์อุปสมบทตามกิจนิมนต์  และในที่สุดชาวบ้านได้นำเรือดังกล่าวไปแข่งขันเพื่อความสามัคคี  สนุกตามประเพณีจนมีชื่อเสียง  สืบเนื่องมาหลายสมัย ที่มีชื่อว่า ‘ แม่ทองคำ” กับ “ช้างร้อง” ปัจจุบันวัดฝางไม่มีเรือดังกล่าวแล้ว อดีตวัดในละแวกบ้านยืมไปพายเข่งขันตามเทศกาลและประเพณีเป็นเวลานานมาก

         ต่อมาเจ้าอาวาสองค์ที่ 2  พระอธิการให้ (สกุลเดิม  มาดีประเสริฐ) ซึ่งเป็นชาวบ้านใต้วัดฝาง ได้ริเริ่มนำญาติมากถากถางปรับสภาพสถานที่ด้วยการขนทราย    มาถมพัฒนาสถานที่และย้ายวัดมาสร้างในที่ปัจจุบัน  มีหอสวดมนต์ที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง  มีเสาไม้สักทรงแปดเหลี่ยมตลอดทุกต้นทั้งหลัง  พื้นไม้อัดเรียบร้อยสวยงามหาดูได้ยาก ทราบข้อมูลที่หน้าจั่วมีอักษรฉลุด้วยไม้สัก บูรณะซ่อมแซมเมื่อ พ.ศ. 2472 โดยช่างชาวจีนอพยพมาอยู่ในหมู่บ้านไผ่จำศีลติดกับวัดฝางนั้นเอง รวมอายุการก่อสร้างประมาณ 100 ปี และกุฏิทรงไทยจากผู้มีจิตศรัทธาได้ถวายวัด จำนวน 6 หลัง จากนั้นมีเจ้าอาวาสสืบทอดต่อมาพัฒนาวัดด้วยความเจริญรุ่งเรืองตลอดเวลา@…

            สมัยเจ้าอาวาสองค์ที่ 5  นี้โด่งดังมากท่านเป็นพระเกจิอาจารย์  ท่านมีวิทยาอาคม  ด้านเมตตามหานิยมและคุณไสย  หมอโบราณรักษา โรคภัยต่างๆได้จนได้รับฉายาว่า  จอมขมังเวทย์  “หลวงพ่อกลุ่ม”  เกจิดังแห่งลุ่มแม่น้ำน้อย  มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในอดีต การคมนาคมมาวัดฝางต้องมาทางน้ำเท่านั้น

            “หลวงพ่อกลุ่ม  พุทธิญาโณ” เป็นเจ้าอาวาสของวัดฝางจนมรณภาพ   อาคารเสนาสนะพัฒนาต่อเนื่องมา หอขวางด้านตะวันออก  1  หลัง (หอสวดมนต์) ศาลาท่าน้ำ 1 หลัง หอระฆัง 1 หลัง  ฌาปนสถาน ศาลาอเนกประสงค์ กว้าง 15” 40 เมตร ยาว 32 เมตร หลังจากนั้นมีเจ้าอาวาสสืบทอดพัฒนาวัดมาด้วยความเจริญรุ่งเรืองตามกาลสมัยต่อมา  อุโบสถหินทรายประยุกต์ วัดฝาง@…

อุโบสถหินทรายประยุค หลังใหม
พระประธานในอุโบสถหินทรายประยุค (หลังใหม่)

พ.ศ.2530- 2558 พระครูธรรมรัต (สมพงษ์ อริยวงโส) เจ้าอาวาสองค์ที่ 10 ขณะนั้นอุโบสถหลังเก่าชำรุดทรุดโทรมมาก  ท่านริเริ่มร่วมกับชาวบ้านจำนวนหนึ่ง  เริ่มด้วยการรับบริจาคทรัพย์ ทอดผ้าป่าสามัคคีหาทุนสร้างอุโบสถหินทรายหลังใหม่ และได้กำหนดวางศิลาฤกษ์อุโบสถหินทรายประยุกต์หลังนี้ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2535 และได้นำเนินการก่อสร้างต่อๆมานานถึง 26 ปีจึงแล้วเสร็จ

นายชุชีพ วุฒิไวย ประธานฝ่ายฆารวาสร่วมพิธีปลุกเษกอฐิาฐานจิต วัตถุมงคล รุ่นปิดทองฝังลูกนิมิตโบสถ์หินทรายประยุกต์ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2562

คราวต่อมาได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการของวัด และมีพระยศพร จนทสีโล เป็นเจ้าอาวาส วัดฝาง แห่งนี้เป็นรูปที่ 12 (8มี.ค.59 – ปัจจุบัน ) ได้พร้อมใจกันจัดงานปิดทองฝังลูกนิมิต อุโบสถหินทรายประยุกต์หลังนี้ โดยกำหนดพิธีในวันที่ 27 ธันวาคม 2562  ถึงวันที่ 4 มกราคม 2563@…

ประวัติหลวงพ่อกลุ่มอดีตเจ้าอาวาสวัดฝาง เกจิลุ่มแม่น้ำน้อย
หลวงพ่อกลุ่ม พุทธิญาโณ พระคณาจารย์ซึ่งเปรียบเสมือนเพชรน้ำเอกของเมืองวิเศษชัยชาญ เป็นผู้เรืองด้วยเวทย์วิทยาคมโดยเฉพาะเรื่องสรรพวิชาไสยศาสตร์แล้วหาผู้ใดเทียบยาก ซึ่งหากท่านศึกษาชีวประวัติที่ผู้เขียนค้นคว้ามา โดยสังเขปแล้ว ท่านจะทราบได้ถึงความเลื่อมใส ของผู้คนในจังหวัดอ่างทองและจังหวัดใกล้เคียงอย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่น่าเสียดาย หากท่านได้ออกวัตถุมงคลให้มากพอหมุนเวียนในวงการอย่างพระคณาจารย์ท่านอื่นก็คงมีชื่อขจรกระจายด้วยพุธคุณที่คุ้มครองป้องกันดั่งคำที่ผู้คนแถบนั้นพูดกันว่า ‘เชื่อขนมกินได้’ เลยทีเดียว หลวงพ่อกลุ่ม พุทธิญาโณ นามเดิมขณะที่ยังเป็นฆราวาสคือ กลุ่ม ตาดแจ่ม แต่ต่อมาได้เปลี่ยนนามสกุลเป็นเนตรทรงผล ชื่อบิดามารดาประวัติ เลือนลางสืบไม่แน่ชัด ชาตะเมื่อวันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2440 ตรงกับวันขึ้น3ค่ำเดือน7 ปีระกา เป็นคนพื้นเพอยู่ละแวกวัดฝาง อ. วิเศษชัยชาญ เหตุที่ได้ชื่อว่ากลุ่มนั้นมาจากนิ้วชี้,กลาง,นางข้างซ้ายและนิ้วนางข้างขวาได้ปุกคล้ายลูกกลุ่มมาตั้งแต่กำเนิด รูปพรรณสันทัด ผิวดำขลับอุปนิสัย เป็นคนใจกล้า ไม่ยอมคน เมื่อตอนนายกลุ่มยังอยู่ในวัยฉกรรจ์ นายกลุ่มเคยเป็นเสือเก่า ด้วยเพราะวิชาของท่านโดนล้อมจับหลายครั้งก็ฝ่าดงกระสุนมาได้ทุกครั้งไป จนมีชื่อเสียงมากในสมัยนั้น แต่ก็ล้างมือแล้วหันเข้าสู่ร่มกาสาวพัตร หลวงพ่อกลุ่มเพียรศึกษาวิทยาคมตั้งแต่เป็นฆราวาสโดยเฉพาะทางไสยดำซึ่งท่านได้ศึกษาแขนงนี้จนแตกฉาน ทั้งตำราผูกและตำราแก้กับหลายคณาจารย์อาทิเช่น หลวงพ่อวัดประจำรัง ผู้ถ่ายทอดวิชาตะกรุดมนุษย์-ยักษ์ ที่เลื่องลือ (ไว้จะกล่าวถึง),พระเทพมุนี วัดบางเหี้ย,พระครูขำ วัดไร่แตงโม,และอีกหลายคณาจารย์รวมถึงฆราวาสอีกหลายท่าน หลวงพ่อได้อุปสมบทที่วัดฝาง เนื่องด้วยเป็นผู้เรืองด้วยเวทย์วิทยาคม ท่านจึงมีศิษยานุศิษย์มากมาย จนทำให้วัดฝางสมัยนั้นเจริญรุ่งเรืองด้วยบารมีท่านตามไปด้วย (สมัยนั้นถนนไปวัดไม่มี หนทางไปวัดฝางได้โดยทางเรือกับเดินลัดเลาะคันนา) แต่หากพูดถึงวัดฝางสมัยนั้นก็เปรียบได้เสมือนที่บำบัดทุกข์ของประชาชนเลยทีเดียว หลวงพ่อกลุ่มได้ล้มป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ ทำให้ไอบ่อยมาก ตลอดจนเวลาในการจำวัดแทบไม่มี เพราะมีผู้คนเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก ทำให้สุขภาพหลวงพ่อแย่ลงจนผ่ายผอม ท่านได้ละสังขารในวันเสาร์ที่ 5 พ.ศ.2510 ปีมะเมีย คล้อยจากวันฉลองอายุครบ70ปีไม่กี่วัน ท่านมรณะในเรือหางยาวพุทธิญาโณ ของท่านด้วยอาการสงบท่ามกลางความโศกเศร้าของศิษยานุศิษย์ที่ตามปรนนิบัติไม่ห่าง

@ ทำพิธีขอฝน ถึงหลวงพ่อกลุ่มท่านจะมีมือปุกข้างหนึ่งแต่เรื่องงานศิลป์ในงานปั้นนั้นถือว่าหาคนเทียบท่านยากผู้หนึ่ง ท่านปั้นหน้าบรรณโบสถ์ได้สวยงามมาก และหากหน้าฝนปีไหนแล้ง แล้วล่ะก็ชาวบ้านจะต้องมาหาหลวงพ่อกลุ่มแห่งวัดฝางให้ช่วยทำพิธีเรียกฝนให้ตก โดยพิธีจะทำกันกลางนา จะต้องมีของคาว-หวานให้พร้อม ทำใส่กระทงที่กลัดเตรียมไว้วางบนแคร่และหลวงพ่อกลุ่มท่านจะปั้นดินเหนียวเป็นรูป กบ-เขียด ปลา และสัตว์ต่างๆวางบนแคร่ด้วย ท่านจะบริกรรมคาถาขอฝนอยู่พักใหญ่แล้วท่านจะบอกได้เลยว่าฝนจะตกไหม เมื่อไร กี่โมง และให้ชาวบ้านเตรียมข้าวปลูก รอได้เลย เพราะไม่เคยพลาดสักครั้ง
ประสบการณ์จากปากไวยาวัจกร(พี่ชูชีพ วุฒิวัย)
พี่ชูชีพ วุฒิวัย ท่านเป็นไวยาวัจกรอยู่ที่วัดฝาง มีศักดิ์เป็นหลานหลวงพ่อกลุ่ม ท่านเรียกหลวงพ่อกลุ่มว่าหลวงลุง ท่านเป็นผู้ขึงฉากรูปถ่ายหลังเสื่อน้ำมัน คู่กับท่าน พ.ท. สุชิน ทันใจ หลานแท้ๆของหลวงพ่อกลุ่ม(ท่านเป็นพี่ชายของท่านพระครูสุวิทย์                 อยู่ทางวังน้ำเย็น ชื่อเดิมตอนเป็นฆราวาสชื่อ สุวิทย์ ทันใจ) เมื่อพ.ศ.2499 และเจ๊ก รีด ตากล้องสมัยนั้น อยู่ที่ ต.ม่วงเตี้ย เป็นตากล้องถ่ายรูป เรื่องแรก พี่ชูชีพ เล่าว่า สมัยนั้น (ท่านเรียนอยู่ประมาณ ม.3 )ท่านได้ไปช่วยหลวงพ่อกลุ่มขึงสายสิญจ์ 4ห้องซ้อนกันกลางหอสวดมนต์เพื่อเตรียมทำพิธีช่วยเหลือผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นคนทางตำบลหลักแก้ว ถูกกระทำ มีอาการเจ็บปวดทุรนทุรายไม่มีสติ ซึ่งพอหลวงพ่อกลุ่มท่านได้ทำพิธีเสร็จ อาการดังกล่าวก็ได้หายไปอย่างปลิดทิ้ง แต่คืนนั้นหลวงพ่อกลุ่มยังให้หญิงคนนั้นอยู่ในสายสิญจ์ไปก่อน แต่ฝ่ายหญิงอยากอาบน้ำ จึงออกมาจากนอกสายสิญจ์ ปรากฏว่าขณะอาบน้ำ ได้มีวัตถุคล้ายผีเสื้อสีขาว บินมาโดนที่หน้า อาการดังกล่าวก็เป็นขึ้นมาอีก คราวนี้ หลวงพ่อกลุ่มท่านใช้ให้ลูกศิษย์ รวมถึงพี่ชูชีพ ช่วยกันจับหญิงสาวให้อยู่ในอาการสงบ ต้องช่วยกันหลายคน แล้วท่านได้ใช้มีดหมอ คัดไล่ของ ตั้งแต่หัว ไล่ลงมา จนออกทางปลายเท้า

อีกเรื่องหนึ่งที่พี่ชูชีพเล่าให้ฟัง คือ การไปเอาน้ำมันพรายที่ดงยางวัดอ้อยในกลางดึก หลวงพ่อกลุ่มให้นายตุ๊ อ่อนดี(เป็นน้องของคุณแม่ทองรัก วุฒิวัย) กับนายอุดม เป็นผู้ติดตามไปในวันนั้น ศพที่จะทำพิธี เป็นผีตายทั้งกลมที่เพิ่งจะฝังได้ไม่นาน ก่อนทำพิธี หลวงพ่อกลุ่มท่านได้กำชับว่าหากมีอะไรเกิดขึ้นอย่ากระโตกกระตากไป เริ่มการทำพิธี ท่านได้ให้ทั้งสองคนขึงสายสิญจ์รอบศพ แล้วเริ่มลงมือขุดศพขึ้นมา ขุดทีแรกด้านทิศตะวันตก เจอปลายเท้าศพ จึงย้ายมาขุดอีกด้านหนึ่ง ขุดไป ดันเจอปลายเท้าอีก!!! หลวงพ่อกลุ่มเห็นเช่นนั้นว่าผีมันลองดีเข้าแล้ว จึงทำพิธีเรียกวิญญาณออกจากร่าง ทั้งสองท่านได้เล่าว่า ได้เห็นวิญญาณ เป็นรูปร่างสีขาวๆออกจากร่าง สุดท้ายก็ได้น้ำมันพรายสำเร็จดังตั้งใจ น้ำมันพรายนี้ หลวงพ่อกลุ่มได้สั่งไว้ว่าหากเสียท่านเมื่อไร ให้ลูกศิษย์เททิ้งน้ำให้สิ้น เพราะหากใครเอาไปใช้เข้า จะแก้ไม่ได้นอกจากตัวท่าน

หลวงพ่อกลุ่ม ท่านรับตำแหน่งเป็นเพียงพระลูกวัด สมัยนั้น ท่านอาจารย์สนั่นเป็นเจ้าอาวาสวัดฝาง แต่ ญาติโยมส่วนมากจะมาวัดก็มาหาแต่หลวงพ่อกลุ่มช่วยเหลือ เมื่อแรกๆท่านอาจารย์สนั่นก็อยากลองวิชาว่าหลวงพ่อกลุ่มท่านมีอะไรดี มีอยู่คืนหนึ่ง ประมาณ2ทุ่มเศษ ท่านเห็นว่าวันนี้วัดเงียบๆผิดปกติ เลยถามหลวงพ่อกลุ่มไปว่า     ท่านกลุ่ม วันนี้ทำไมไม่มีลูกศิษย์มาหารึ? หลวงพ่อกลุ่มท่านนั่งหลับตาพักหนึ่ง พอลืมตาก็พูดมาว่า “เดี๋ยวก็มากัน” สัก3ทุ่มกว่าๆ มีลูกศิษย์บ้านอยู่ไผ่ดำ มาหาหลวงพ่อ บอกว่าไม่รู้เป็นยังไง คิดถึงแต่หลวงพ่อ จึงจ้างเรือหางยาววิ่งมากลางดึก ว่ายังไง วันนี้ ต้องมาหาหลวงพ่อให้ได้…เรื่องในวันนั้นทำให้อาจารย์สนั่นต้องยอมรับหลวงพ่อกลุ่ม
และมีอีกครั้ง หลวงพ่อกลุ่มท่านกำลังร้อยสายเชือกทำตะกรุดเนื้อตะกั่วอยู่ อาจารย์สนั่นท่านได้ถามหลวงพ่อกลุ่มว่า ตะกรุดท่านมีดียังไง? หลวงพ่อกลุ่มไม่ตอบ แต่ลุกขึ้นเดินไปที่เตาฟู่ แล้วโยนตะกรุดพร้อมเชือกทั้งชุดลงไป ปรากฏว่าตะกรุดไม่ไหม้ไฟแม้กระทั่งเชือกที่ร้อยอยู่ จนทำให้ท่านอาจารย์สนั่นยอมรับในตัวหลวงพ่อกลุ่ม เมื่อหลวงพ่อกลุ่มทำพิธีอะไร ท่านอาจารย์สนั่นจะเป็นลูกมือช่วยหลวงพ่อกลุ่มด้วยทุกครั้ง
มีอยู่ครั้งหนึ่ง มีคนลาดชะโด ชื่อนายสนิท(เป็นเพื่อนกับคนแถววัดชื่อนายไสว) พาลูกสาวมาให้หลวงพ่อกลุ่มช่วยเหลือเพราะโดนหมอแขกทำรูปฝังรอย หลวงพ่อกลุ่มท่านนั่งทางในดูแล้วชี้จุดตำแหน่งให้กลับบ้านไปขุดของที่ฝังอยู่ใต้ถุนบ้านกลับมาให้ท่าน ปรากฏว่าเจอของในจุดนั้นจริงๆ เป็นรูปหุ่นเทียนปั้นเป็นตุ๊กตาพันด้วยด้าย จึงให้อาจารย์สนั่นเอาไปเคี่ยวด้วยไฟ แต่ปรากฏว่าอาจารย์สนั่นเคี่ยวเท่าไรก็ไม่ละลาย ต้องให้หลวงพ่อกลุ่มท่านลงมือเคี่ยวเอง หุ่นเทียนตนนั้นถึงจะยอมละลาย( ตาสาคร กลิ่นเทียน กับตาปุ๊(สันต์ คงแสงทอง)เป็นผู้เล่า ทั้งสองท่านบวชอยู่ที่วัดฝาง และ ได้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว)

ในวันไหว้ครูประจำปีปีจะ มีญาติโยมเอากล้วยน้ำว้ามาถวายวัดเครือหนึ่ง หลวงพ่อกลุ่มท่านแสดงให้ศิษย์ดูด้วยการปลิดกล้วยมาผลหนึ่ง แล้วเอาด้ายสายสิญจน์มาทาบบนผลกล้วยที่ปลิดมา(ไม่ได้ปอกเปลือก)2ครั้ง แล้วให้ศิษย์ปอกเปลือกกล้วยดู ปรากฏว่ากล้วยผลนั้นขาดเป็น3ท่อน…และที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ ท่านให้ศิษย์ไปปอกกล้วยในเครือนั้นดู ปรากฏว่ากล้วยขาด3ท่อนทุกลูกทั้งเครือ
หลวงพ่อกลุ่มท่านเคยแสดงการเสกผ้าขาวม้าคาดเอว เพียงแค่เอามาม้วนๆให้เป็นก้อนแล้วเป่าแค่พ่วงเดียวเท่านั้น ผ้าขาวม้ากลายเป็นกระต่ายวิ่งเข้าป่าได้ให้เห็นๆกับตา แต่พอเสื่อมมนต์กระต่ายตัวนั้นก็กลายเป็นผ้าขาวม้าเหมือนเดิม แต่ผ้าผืนนั้นใช้การไม่ได้เพราะผ้าไปเกี่ยวกิ่งไม้เกี่ยวหนามในป่าขาดเป็นรูแทบทั้งผืน หลวงพ่อกลุ่มท่านสามารถเรียกอีกาให้ศิษย์ดูในกลางดึกได้ ซึ่งผิดวิสัยนก เพราะตกดึกมันต้องกลับรังนอน แต่ท่านสามารถเรียกให้มันมาเกาะร้องใกล้ๆท่านได้ลูกสาวทิดคำ บ้านอยู่ท้ายวัดฝาง ลูกตายในท้อง(แท้งลูก) เด็กไม่ยอมออก(สมัยนั้นทำคลอดด้วยหมอตำแย) จนหมอตำแยหมดปัญญา หากปล่อยเอาไว้นานจะไม่ได้การจะตายทั้งแม่ลูก จึงพากันมาหาให้หลวงลุงกลุ่มช่วย หลวงปู่กลุ่มท่านใช้ให้ไปตักน้ำในคลอง(น้ำท่า)มา1ขันมาทำน้ำมนต์ แล้วนำสายสิญจน์ทำเป็นมงคลใส่ไปในน้ำมนต์ แล้วให้แม่เด็กกินน้ำมนต์ด้วยการกลืนสายมงคลไปด้วย สักพักเดียว เด็กก็ออกมาอย่างง่ายดาย พร้อมกับสายมงคลสวมคอเด็กออกมาด้วยอย่างน่าอัศจรรย์ วิชานี้หลวงปู่กลุ่มได้เล่าให้ตาสันต์ คงแสงทองให้ฟังว่า เคยช่วยเมียผู้คุมที่จังหวัดสุพรรณฯไว้ด้วยครั้งหนึ่ง ครั้งนั้นเด็กไม่ยอมออก ท่านก็เสกน้ำท่าใส่สายมงคลทำน้ำมนต์ให้กิน ก็ช่วยให้ปลอดภัยได้ทั้งแม่ลูก ซึ่งสายมงคลที่ให้กลืนเข้าไปนั้นก็สวมคอเด็กออกมาเช่นกัน

ปราบผี @… เสือเพชร ตาเกษม แก้วกระจาย กรรมการวัดฝาง ได้เล่าว่า สมัยนั้นกองปราบกำลังกวดขันปราบปรามชุมโจร มีเสือคนหนึ่ง ชื่อเสือเพชรโดนกองปราบยิงตายหลังวัดตูม ความเฮี้ยนเป็นที่เลื่องลือ ชาวบ้านไม่กล้าสัญจรแถวนั้นกลางดึก หลวงปู่กลุ่มท่านตั้งใจจะปราบผีตนนี้ให้ชาวบ้าน หลวงพ่อให้นายไสว พงษ์ฉอ้อน(เป็นน้าเขยของตาเกษม แก้วกระจาย)เป็นผู้ติดตามไปด้วย ทำพิธีกันตอนค่ำๆ พอไปถึงบริเวณใต้ต้นมะขามที่เสือเพชรโดนยิงตาย ยังไม่ทันไร เจอผีเสือเพชรลองดี ยืนเยี่ยวลงมาจากบนต้นมะขามท้าทายหลวงพ่อ หลวงพ่อกลุ่มท่านใช้เวลาถึงครึ่งคืน กว่าจะปราบผีเสือเพชรตนนี้ได้

ธงช่วยพ่อค้า@…  ตากอบเล่าว่า ตาไปเรี่ยไรบุญกับหลวงพ่อกลุ่ม ที่ตำบลลาดชะโด โดยเรือหางยาว ขาไปเจอพ่อค้าเกลือเชื้อสายมอญที่บรรทุกเกลือมาขายทางเรือ พ่อค้าแวะมาทำบุญกับหลวงพ่อกลุ่มพลางบ่นกับหลวงพ่อว่า จะจบวันแล้ว ยังขายเกลือไม่ได้เลย หลวงพ่อกลุ่มท่านได้ยินเข้า จึงฉีกซองธูปแผ่ออกเพื่อจารยันต์ลงไป แล้วนำก้านธูปกลัดกับซองธูปที่จารแล้วแทนก้านธง แล้วส่งให้พ่อค้าเกลือชาวมอญนำไปปักบนกลางกองเกลือพอขากลับ ก็สวนกับเรือพ่อค้าเกลือชาวมอญคนเดิมอีก แต่ปรากฏว่าเกลือขายได้หมดทั้งลำเรือ เรื่องนี้ทำให้ชาวลาดชะโดขึ้นกับหลวงพ่อกลุ่มเป็นอย่างมาก

เสกหนังควาย@ … ครูม้วน กลิ่นหอม(ครูโรงเรียนวัดช้าง) มาหาหลวงพ่อกลุ่มกลางดึก ได้แอบเห็นหลวงปู่กลุ่มกำลังเสกหนังควายแผ่นใหญ่ ท่านวางบนมือแล้วเสกจนหนังค่อยๆห่อหดเล็กนิดเดียวอยู่บนฝ่ามือ สักพักท่านเป่าเพี้ยงเดียวหนังควายแผ่นนั้นได้กระเด็นลอยไปติดบนเพดานกุฏิ และอีกคนที่เห็นวิชานี้กับตา คือตาสันต์ คงแสงทอง ตาสันต์เล่าว่า ตอนที่ตาสันต์ติดตามรับใช้หลวงพ่ออยู่นั้น ที่วัดมีคนถวายแผ่นหนังควายตากแห้งผืนใหญ่ไว้ขึงกลองอยู่แผ่นหนึ่ง วันนั้นหลวงพ่อกลุ่มท่านห่มจีวรเต็มองค์อย่างเรียบร้อย หลวงพ่อกลุ่มท่านใช้ให้ตาสันต์ไปจุดธูปหน้าพระประธานให้ท่าน แล้วใช้ให้ไปหยิบหนังควายผืนใหญ่พร้อมมีดหมอของท่านมาให้ตรงหน้ากุฏิท่าน ท่านบริกรรมคาถาได้สักพักหนึ่งแล้วปักมีดหมอลงกลางแผ่นหนังดังปัง. สักพักเดียว แผ่นหนังตากแห้งผืนใหญ่ๆ ค่อยๆห่อตัวแล้วหดลงๆอย่างไม่น่าเชื่อ ดูน่ากลัว ซึ่งตาสันต์ยังไม่กล้าไปดูใกล้ๆ หนังควายหดจนเล็กเหลือแค่ปลายมีดหมอ พอหลวงพ่อกลุ่มท่านยกมีดขึ้น หนังก็ปลิวหายไปกับตาอย่างน่าขนลุก

หลวงพ่อกลุ่มเลี้ยงผี @…  หลวงพ่อกลุ่มท่านเลี้ยงผีไว้หลายตน มากจนต้องใช้ห้องกุฏิพระที่ว่างอยู่เอาไว้ให้เป็นที่อาศัย ตาปุ๊ เล่าให้ฟังว่าเมื่อตอนบวชอยู่กับหลวงพ่อเคยมองลอดช่องเข้าไปดู เจอหัวกะโหลกมนุษย์อยู่หลายใบเป็นที่น่ากลัวมาก พอถึงหลังเวลาฉันเพล หลวงพ่อจะนำอาหารเอาไปให้ทุกวันไม่ขาด ผีที่มีชื่อที่ชาวบ้านเห็นบ่อยๆคือผีที่ต้นกุ่มตรงหน้าวัด ก่อนตายแกเป็นชาวบ้านแถบนั้น ตายเพราะไปตัดต้นกลุ่มแล้วโดนต้นกลุ่มทับตาย แล้ววิญญาณก็ไม่ได้ไปเกิด คอยปรากฏตัวให้ชาวบ้านเห็นเป็นประจำ หลวงพ่อท่านจึงเลี้ยงเอาไว้เป็นผู้พายเรือให้ท่าน มีชาวบ้านแถบนั้นยืนยันว่าเห็นหลวงพ่อกลุ่มนั่งเรือเฉยๆแต่เรือกลับวิ่งทวนน้ำได้

มีอยู่ครั้งหนึ่งหลวงพ่อกำลังบิณฑบาตรซึ่งมีศิษย์ตามไปด้วยคนหนึ่ง ท่านนึกสนุกอยากแกล้งศิษย์ เลยเอ่ยขึ้นว่า “เอ็งเหงาไหม อยากมีเพื่อนร่วมทางไหม” ศิษย์เลยตอบไปว่า “ก็ดีสิครับหลวงพ่อ” หลวงพ่อท่านก็เรียกให้ศิษย์หันไปมองข้างหลัง ปรากฏว่ามีบรรดาฝูงผีเดินมากันเต็มทุ่งไปหมดมีศิษย์อยู่คนหนึ่งเป็นนักเลง ใจกล้า อยากเห็นผี เลยขอหลวงพ่อว่าอยากเห็นว่าเป็นอย่างไร หลวงพ่อท่านก็ไม่ขัดศรัทธา ท่านใช้ประคตรัดศิษย์ไว้กับตัวท่าน เพราะกลัวว่าพอเห็นเข้าแล้วจะกลัวจนเป็นบ้าเป็นบอหนีเตลิดไป สุดท้ายท่านก็เรียกมาให้เห็นจะๆจนจับไข้อยู่หลายวัน

 ประสบการณ์เหรียญ(รุ่นแรก) เหรียญรุ่นนี้สร้างโดยครูสา ผู้ดูแลวัดฝางในสมัยนั้น โดยครูสาให้นายสุระพลไปติดต่อช่างที่จังหวัดสุพรรณฯเมื่อตอนพิธีไหว้ครูประจำปี 2506 ช่างทำเหรียญแทบจะถอดใจ เพราะเมื่อปั๊มไปไม่นานบล๊อคก็แตก เป็นอย่างนี้หลายครั้ง จึงมากราบหลวงพ่อแล้วบ่นเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นให้ท่านฟัง หลวงพ่อท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่สั่งให้ลูกศิษย์ตักน้ำไว้ทำน้ำมนต์ให้ช่างนำกลับไปพรมแท่นปั๊ม จากช่างได้กลับไปพรมน้ำมนต์ที่แท่นปั๊มจึงทำเหรียญนี้ได้สำเร็จ

มีคนบ้านคลองขุนอยู่คนหนึ่งจะไปขอสาว ตอนไปขอวันแรก พ่อตาไม่ยอมต้อนรับไม่หันมองแม้แต่หน้า และเรียกค่าสินสอดถึง 2 แสน (สมัยนั้น) เลยกลุ้มใจเพราะเงินมีไม่ถึง จึงไปปรึกษาญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ญาติคนนั้นเคยได้ยินเรื่องประสบการณ์ทางเมตตาของหลวงพ่อกลุ่มจึงให้เหรียญหลวงพ่อกลุ่มมาคล้องคอพร้อมปลอบใจและให้ลองไปขอกับพ่อตาใหม่ แต่คราวนี้ พ่อตากลับพูดจาดีผิดกับวันแรกหน้ามือเป็นหลังมือและลดค่าสินสอดให้ครึ่งหนึ่ง สร้างความประหลาดใจแก่ฝ่ายชายเป็นอย่างมาก…(เล่าโดยตาสันต์ คงแสงทอง)

เหรียญรุ่นแรก สุดยอดในเรื่องแคล้วคลาด-เมตตามหานิยมครับ มีวัยรุ่นคนขับรถมอเตอร์ไซค์ชนกับรถเบนซ์ที่หน้าวัดนก โดยที่คนขับมอเตอร์ไซค์ขับสวนเลนตัดหน้าไปชนรถเบนซ์ถึงขนาดรถมอเตอร์ไซค์พังจนซ่อมไม่ได้ รถเบนซ์โดนชนหน้ายุบ แต่คนขับมอเตอร์ไซค์ไม่เป็นไรเลย ลุกยืนเองได้ และที่แปลกใจคือไม่ต้องเสียเงินค่าซ่อมรถเบนซ์ด้วย เพราะคนขับรถเบนซ์ขอแค่เหรียญหลวงพ่อกลุ่มในคอเด็กหนุ่มเท่านั้น อาจเป็นเพราะเห็นเหตุการณ์แล้วไม่น่าจะรอดได้หรือการเจรจาอย่างไรก็ไม่ทราบ(จากตาสันต์ คงแสงทอง)

ผู้ใหญ่ราตรีได้ให้เหรียญหลวงพ่อกลุ่มให้ลูกชายไว้ติดตัวเหรียญหนึ่ง มีอยู่วันหนึ่งลูกชายได้ขับรถบีเอ็มดับเบิลยูไปเที่ยวกับเพื่อนๆรวม 5 คน ขากลับรถเกิดประสพอุบัติเหตุพลิกคว่ำหลายตลบจนรถพังยับจนซ่อมไม่ได้ แต่ลูกชายและเพื่อนๆที่ไปด้วยกันไม่มีใครเป็นอะไรเลย เพียงแค่ลูกชายผู้ใหญ่ราตรีคอเคล็ดและเพื่อนๆเคล็ดยอกและมีรอยฟกช้ำเท่านั้นทั้งที่ในรถมีเพียงลูกชายผู้ใหญ่ราตรีเท่านั้นที่ห้อยพระ และแขวนเหรียญหลวงพ่อกลุ่มเพียงองค์เดียวเท่านั้น(ได้ฟังจากปากผู้ใหญ่ราตรี)

ท่านผู้กำกับ ธงชัย สายไหม ประสพอุบัติเหตุรถเก๋งเสียหลักลงข้างทางถึงขนาดต้องขายซากทิ้งซ่อมไม่ได้ ผู้เห็นเหตุการณ์ที่มาช่วยต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคนขับไม่น่ารอด แต่ท่านกลับไม่เป็นอะไรเลย เพียงแค่คอเคล็ด และพกช้ำเท่านั้น วันนั้นท่านห้อยพระเดี่ยวๆคือเหรียญหลวงพ่อกลุ่มเพียงเหรียญเดียว(ได้ฟังจากปากท่านธงชัย )

@ ด้านเมตตา วันหนึ่งน้องชายโกหว่าชื่อเหม่งมีอาชีพขับเรือเมล์จากตลาดศาลเจ้าโรงทองไปห้วยราชคาม ไปปรับทุกข์กับหลวงพ่อว่าวันนี้ไม่มีคนโดยสารเลยแล้วกราบลาท่าน พอกราบทีที่3ตอนจะเงยขึ้น หลวงพ่อท่านใช้มือข้างที่ปุก เขกเป๊กไปที่หัวไปทีหนึ่งพร้อมให้พร พอเมื่อกลับไปขับเรือต่อปรากฏว่าวันนั้นคนแน่นทั้งวันเลย

หลวงพ่อมีลูกศิษย์เป็นเสือ ท่านมีศิษย์อยู่คนหนึ่งชื่อ นายวิเชียร (ขอสงวนนามสกุล)ซึ่งเป็นเสือร้ายขึ้นชื่อเรื่อง หนังเหนียว ยิงไม่ออก ฟันไม่เข้า ซึ่งท่านลงนะให้และจารเสื้อยันต์ให้ แต่สุดท้ายก็ต้องตายโดยโดนล้อมทุบจนช้ำตายโดยไม่มีเลือดออกสักหยด ศิษย์เคยถามหลวงพ่อว่าจารให้เขาไปปล้นไม่บาปหรือ ท่านบอกว่าบาปมันขึ้นอยู่ที่กรรมของแต่ละคนลูกศิษย์ก้นกุฏิ ตาปุ๊ หรือตาสันต์ คงแสงทอง เป็นหนึ่งในผู้ให้ข้อมูลในการเขียนประวัติความเป็นมาและประสบการณ์ต่างๆที่ประสพด้วยตนเองหลายเรื่องราวที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ตาปุ๊เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อและได้อุปสมบทที่วัดฝางเมื่อปี พ.ศ.2500 ซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิดกับหลวงพ่อกลุ่มมากผู้หนึ่ง กิจวัตรของแกเป็นคนดูแลปัดกวาดเช็ดถูกุฏิให้หลวงพ่อ,ตักน้ำไว้ทำน้ำมนต์ และต้มน้ำ-หุงหาข้าวถวายหลวงพ่อ และมีศิษย์อีกคนชื่อตาตี๋ ซึ่งก่อนจะบวช แกเป็นหมอทหารที่ลพบุรี จึงมีหน้าที่ฉีดยา สตริปโตรมัยซิ่น(ตาปุ๊ บอกว่าเป็นยาแก้โรคทางเดินหายใจ) ผลัดกับผู้ใหญ่ราตรีให้แก่หลวงพ่อ พอทั้งคู่สึกออกมาก็ยังตามปรนนิบัติหลวงพ่อพร้อมกับศิษย์อีกจำนวนหนึ่งจนกระทั่งหลวงพ่อมรณภาพ และที่เอ่ยถึงไม่ได้คือ ครูสา ผู้ดูแลวัดฝางและเป็นผู้ใกล้ชิดหลวงพ่อมากที่สุดคนหนึ่งรองจากปู่เม้ง เพื่อนเกลอของหลวงพ่อกลุ่ม

เรื่องลืมถอน มีอยู่วันหนึ่งผู้ใหญ่ราตรีได้เข้าไปฉีดยาแก้โรคปอดให้หลวงพ่อ เช่นปกติ วันนี้หลวงพ่อกำลังจำวัดในท่านอนคว่ำ ผู้ใหญ่เลยบอกขออนุญาตหลวงพ่อ หลวงพ่อก็ลืมตาพยักหน้าให้ จากนั้นก็ฉีดยาให้เหมือนครั้งก่อนๆโดยใช้มือซ้ายถ่างหนังสะโพกหลวงพ่อให้ตึงแล้วใช้วิธีพุ่งเข็มลงไป ปรากฏว่าเข็มกระเด้งออกมาโดยไม่เข้าเหมือนเก่า จนหลวงพ่ออุทานออกมาว่า “ ลืมว่ะ เอ้า..เอาใหม่” คราวนี้ถึงได้ฉีดยาเข้า

เรื่องไม่อดตาย ตาปุ๊ เล่าว่า เมื่อตอนตาปุ๊บวชอยู่ที่วัดฝาง มีอยู่วันหนึ่ง เป็นหน้าฝน ตอนจะออกบิณฑบาต กลับมีฝนตกหนัก จึงได้พูดเปรยๆกับหลวงพ่อว่าวันนี้เราคงอดแน่ หลวงพ่อท่านไม่ได้กล่าวอะไร เพียงแต่มองไปที่ธงสามเหลี่ยมด้ามไม้กาหลงที่ท่านลงยันต์เอาไว้กำลังโบกสะบัดอยู่ แล้วหลวงพ่อก็ยิ้มแล้วพูดว่า”ไม่อดหรอก” สักพักก็มีญาติโยมที่ตลาดศาลเจ้าโรงทองจำนวนหนึ่งแจวเรือนำภัตตาหารใส่ปิ่นโต 3-4 เถาใหญ่มาถวาย นับว่าเป็นเรื่องบังเอิญมาก แต่มาทราบภายหลังจากผู้ที่มีธงบูชาในบ้านเรือนว่าธงที่ท่านลงนั้นดีทางเมตตา กล่าวคือ หากผู้ใดมีธงบูชาในบ้านเรือน คนในบ้านนั้นไม่อดตาย และหากวันใดมีโชคลาภ ธงจะพลิ้วสะบัดตลอดวัน

วิชาลงนะหน้าทอง ลงไรฟัน@… เมื่อท่านบวชแล้วก็ยังมีชาวบ้านมาขอความช่วยเหลืออยู่เนืองๆจนกิติศัพท์ของหลวงพ่อกลุ่ม พุทธิญาโณ ได้ขจรขจายด้วยวิทยาคมของท่านจนมีคนมาฝากตัวเป็นศิษย์เป็นจำนวนมาก หลวงพ่อกลุ่มท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมากในด้านลงนะหน้าทอง พิธีลงนะหน้าทอง หรือเป่าทองเข้าตัว โดยท่านจะเลือกวันที่เป็นมงคล ต้องมีหัวหมูบายศรี ขนมต้มแดง-ขาว ไหว้ครูเสียก่อนจะทำพิธี จากนั้นก็เริ่มทำพิธีโดยให้ผู้ต้องการลงทองนอนหงายแล้วว่าคาถารับทองว่า “วิหาโร”บริกรรมคาถาแล้วเสกทองเข้าหน้าผากก่อนแล้วไล่ไปหัวไหล่ 2ข้าง หน้าอก 2ข้าง หัวเข่า 2 ข้าง โดยจะเอาเหล็กจารอักขระ แล้วนำทองคำเปลว 100 เปอร์เซ็นต์ปิดบนร่างกายศิษย์ตั้งแต่ คนละ 1 แผ่น ไปจนถึงคนละเป็นร้อยๆแผ่น หากหลายแผ่นจะแกะทองใส่ในกระป๋องแล้วหยิบเสกเป่าไปในทีเดียวหลายๆแผ่น เมื่อเสร็จพิธี ผู้รับทองต้องว่าคาถาปิดคือ “วิหารัง”ใครลงแล้วก็มาลงใหม่ได้ไม่จำกัดครั้ง ท่านเป่าพร้อมลูบทองจนหายเข้าไปในเนื้อได้อย่างน่าอัศจรรย์ และศิษย์ที่หลวงพ่อลงนะให้ล้วนประสพความสำเร็จในหน้าที่การงานทั้งสิ้น (โดยผมขออนุญาตลงชื่อศิษย์บางท่านเพื่อเป็นเกียรติของหลวงพ่อครับ) อาทิเช่น พี่ชูชีพ วุฒิวัยให้หลวงพ่อเป่าทอง500แผ่นและลงไรฟัน ปู่เม้ง เพื่อนเกลอของหลวงพ่อ อยู่สุพรรณฯ อาชีพฉายภาพยนตร์กลางแปลงรายใหญ่ในสมัยนั้น, ชายเมืองสิงห์ ซึ่งฝากตัวเป็นศิษย์และบวชอยู่ที่วัดฝางด้วย, ฉลอง วุฒิวัย เคยให้หลวงพ่อลงนะและจารไรฟันให้ด้วย, ฟ้าบางกอก, ชัยชนะ บุญโชติ หรือไอ้ลิงดำ, แขก กรุงกระดิน รายนี้เป็นอิสลาม มาหาหลวงพ่อทีไรก็กินข้าวกับไข่ต้มทุกทีเพราะอาหารที่วัดส่วนมากจะใช้น้ำมันหมูประกอบอาหาร, ลิเกคณะ ส.วันทอง บังดุล มาเป่าทองเข้าตัวพร้อมทั้งซื้อถังน้ำมันถวายสร้างแพหน้าวัด กำนันกั่งตลาดศาลเจ้าโรงทอง ท่านผู้กำกับธงชัย สายไหม กินนอนอยู่วัดฝางอยู่5ปีเมื่อสมัยยังเด็ก หลวงพ่อกลุ่มท่านยังได้เมตตาลงนะหน้าทองให้ด้วย ฯลฯ หลวงพ่อกลุ่มท่านเคยพูดว่าหากใครที่ท่านลงนะให้นั้นไม่ละเมิดข้อห้าม ใดๆ ทองจะติดอยู่ในกะโหลกทุกคน

2#ปาฏิหาริย์และประสบการณ์ ของหลวงพ่อกลุ่ม พุทธิญาโณ ปาฏิหาริย์และประสบการณ์ ของหลวงพ่อกลุ่ม พุทธิญาโณ  ที่นี้ เป็นเรื่องจริง จากลูกศิษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ ได้กรุณาสละเวลาถ่ายทอดเรื่องราวของหลวงพ่อที่เป็นเรื่องน่าพิศวง เป็นอย่างยิ่ง ใช้วิชาช่วยคลอดเด็ก เมื่อตอนนายกลุ่มเป็นฆราวาสเคยช่วยเหลือเมียผู้คุมที่นครปฐมคนหนึ่งที่เจ็บท้องไม่ยอมคลอด เบ่งยังไงเด็กก็ไม่ยอมคลอดเสียที จนหมอตำแยจนปัญญาที่จะช่วยได้ เพราะแม่เด็กหมดแรงเบ่ง ผู้คุมแกหมดปัญญาช่วยเมียเลยป่าวประกาศให้ใครก็ได้มาช่วยเมียเขาที นายกลุ่มจึงรับอาสา โดยทำน้ำมนต์แล้วทำมงคลคล้องคอใส่ลงไปในขันน้ำมนต์แล้วให้เมียผู้คุมดื่มลงไป ไม่นานเด็กก็ออกมาอย่างง่ายดายโดยมีมงคลคล้องคอเด็กออกมาด้วย โดนปลอดภัยทั้งแม่และเด็ก เหตุการณ์ในครั้งนั้นได้สร้างชื่อเสียงให้นายกลุ่มเป็นอย่างมาก

 ยันต์ปราสาท ของหลวงปู่กลุ่ม วัดฝาง @…หรืออีกชื่อหนึ่ง คือ ยันต์พญาไก่เถื่อน สุดยอดยันต์คุ้มครองป้องกันและเมตตาเป็นเลิศ อินทรรักษา พรหมรักษา หากภาวนาคาถา(ก่อนคล้องเหรียญหลวงพ่อกลุ่มท่าน )ดังนี้แล้วจะดีมาก…เว ทา สา กุ กุ สา ทา เวทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทาสา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สากุตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุอานุภาพของพระคาถา