อ่างทอง พระสงฆ์จำวัดที่สำนักแม่ชีชื่อดัง นานนับปี หลบหนีการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ฯ
Share
เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2566เมื่อเวลา 10.00 น.นายสมพร ชัยยะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ตำบลโพสะ อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ว่าตามที่ตนได้รับเรื่องการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ กรณีที่มีพระสงฆ์เข้าออกสำนักวิปัสนาถนอมรัตน์ (แม่ชี) และมีพฤติกรรมเหมาะสมหรือไม่อย่างไร เพราะที่สำนักวิปัสสนาถนอมรัตน์ สาขาวัดปากน้ำภาษีเจริญ แห่งนี้ ซึ่งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 8 ตำบลโพสะ อำเภอเมืองอ่างทอง ซึ่งชาวบ้านเล่าว่าสำนักวิปัสสนาฯ แห่งนี้มีการเปิดมาหลาย 10 ปีแล้ว แต่จะถูกต้องหรือไม่อย่างไร ชาวบ้านอยากให้หน่วยงานของรัฐได้เข้ามาดำเนินการตรวจสอบ ว่าสำนักฯ แห่งนี้ยังคงดำเนินกิจกรรมด้านปฏิบัติธรรมอยู่หรือไม่อย่างไร จากพฤติกรรมที่ชาวบ้านได้พบเห็นคือ พบเห็นพระสงฆ์เข้าๆ-ออก ๆ และมีการออกไปบิณฑบาตรในตอนเช้า และกลับเข้ามา อยู่ที่สำนักฯโดยไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้เลยว่ามีกี่รูป เข้าใจว่าหลับนอนอยู่ที่สำนักฯ แห่งนี้ ซึ่งจะพบเห็นว่าบริเวณด้านหน้าประตูเข้าออกจะมีจีวรของพระสงฆ์ตากอยู่เป็นประจำ และมีการนำสุนัข จำนวนมากกว่า 1 ตัว มาผูกติดกับต้นไม้ใกล้ๆกับประตูเข้าออกของสำนักฯ แห่งนี้ มีเสียงเห่า หอน โหยหวนส่งเสียงสร้างความรำคาญให้แก่ชาวบ้านทั้งเวลากลางวันและกลางคืนนานนับปี
ผู้ใหญ่สมพร กล่าวต่อไปว่า ตนได้ทำหนังสือถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอ่างทอง และถึงฝ่ายปกครองอำเภอเมืองอ่างทอง เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2566 เพื่อให้ทราบถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ได้ดำเนินการตรวจสอบ หรือแก้ไขปัญหาที่ชาวบ้านร้องเรียนมา และในวันเดียวกันเมื่อ เวลา 16.30 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองอ่างทอง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอ่างทอง และพระครูสถิตวรธรรม เจ้าอาวาสวัดราชปักษี (นก) ซึ่งเป็นเจ้าคณะตำบลบางแก้ว (ฝ่ายปกครอง) ได้ลงพี้นที่เพื่อตรวจสอบสำนักฯ แห่งนี้ แต่ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบบริเวณด้านในได้ เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของสำนักฯ เลยแค่จับกลุ่มเฝ้าสังเกตการณ์เพียงด้านหน้าประตูทางเข้าสำนักฯ แห่งนี้เท่านั้น ต่อมาเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2566 เวลา 10.00 น.พระครูสถิตวรธรรม เจ้าอาวาสวัดราชปักษี (นก) เจ้าคณะตำบลบางแก้ว พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอ่างทอง ชี้แจงถึงการตรวจสอบ และสอบสวน ว่า ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ได้ให้พระนเรศน์ ชิกปรางค์ ซึ่งเป็นพระสงฆ์หนึ่งรูป ที่พำนักอยู่ในสำนักวิปัสนาถนอมรัตน์ แห่งนี้ โดยให้ออกจากพื้นที่ และให้ไปจำวัดที่วัดช้าง ตำบลบ้านอิฐ อำเภอเมืองอ่างทอง ส่วนพระอีกหนึ่งรูปนั้นคณะสงฆ์ (ฝ่ายปกครอง) และเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอ่างทอง ได้แจ้งด้วยวาจากับผู้ใหญ่บ้านให้รับทราบว่า ทางคณะสงฆ์ได้ประสานและกำหนดให้พระสงฆ์ที่เหลืออีก 1 รูป ในสำนักวิปัสนาถนอมรัตน์ สาขาวัดปากน้ำภาษีเจริญกรุงเทพ ตำบลโพสะ อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง แห่งนี้ให้ออกมาก่อนวันที่ 25 กรกฎาคม 2566
ต่อมาเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2566 นายสมพร ชัยยะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ตำบลโพสะ อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง ได้โทรศัพท์แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่าทางคณะสงฆ์ (ฝ่ายปกครอง) เจ้าคณะตำบลบางแก้ว เจ้าอาวาสวัดราชปักษี (นก)ได้แจ้งมาว่าพระสงฆ์อีกรูปหนึ่ง ที่ขอผลัดว่าจะออกจากสำนักวิปัสสนาแห่งนี้ ก่อนวันที่ 25 กรกฎาคม นั้นขณะนี้พระสงฆ์รูปนี้ ได้หนีออกไปก่อนหน้านั้นแล้วโดยไม่มีใครทราบ
ผู้สื่อข่าวได้รับทราบจึงลงพื้นที่ไปสังเกตการณ์ ที่บริเวณด้านหน้าสำนักวิปัสสนาฯดังกล่าว และได้พบเห็นผ้าจีวร ของพระสงฆ์รูปดังกล่าว จำนวนหนึ่ง ยัดอยู่ในถังขยะ พร้อมขยะจำนวนมากถูกเก็บมาทิ้งไว้
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดราชปักษี (นก) เพื่อสอบถามท่านพระครูสถิตวรธรรม เจ้าอาวาสวัดราชปักษี (นก) ซึ่งเป็นเจ้าคณะตำบลบางแก้ว (ฝ่ายปกครอง) ที่ได้ดำเนินการตรวจสอบเบื้องต้นร่วมกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอ่างทอง มาก่อนหน้านั้น แต่ไม่พบเพราะพระครูสถิตวรธรรม ทราบว่า ท่านติดกิจนิมนต์
หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบ พระศรีวิสุทธิโสภณ เจ้าอาวาสวัดป่าโมกวรวิหาร เจ้าคณะอำเภอเมืองอ่างทอง เพื่อสอบถามเรื่องดังกล่าว แต่ท่านได้กล่าวกับผู้สื่อข่าว ว่าทางเจ้าคณะตำบล (ผู้ใต้บังคับบัญชา) ไม่ได้รายงานเรื่องนี้ให้ทราบแต่ประการใด
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ติดต่อไปยัง นายสมพร ชัยยะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ตำบลโพสะ อำเภอเมืองอ่างทอง เพื่อติดตามความคืบหน้า นายสมพร ชัยยะ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม เวลา 16.30 น.ได้มีการลงพื้นที่ในสำนักวิปัสสนาถนอมรัตน์ อีกครั้งโดยมีนายไพบูลย์ ศุภบุญ นายอำเภอเมืองอ่างทอง และปลัดวินัย กองโชค พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดอ่างทอง ร่วมเข้าตรวจสอบสถานที่ แต่ไม่พบพระสงฆ์ องค์ที่ผู้สื่อข่าวบันทึกภาพไว้ได้ ได้หายตัวไปจากสำนักวิปัสสนาฯ แห่งนี้ เบื้องต้นยังไม่พบเรื่องผิดปกติเพียงแต่สำนักวิปัสสนาแห่งนี้ฯ มีสภาพดูรกร้าง ละพบว่ามีห้องใต้ดิน ไม่ทราบว่า มีไว้ทำอะไร ไม่น่าจะเป็นที่ปฏิบัติธรรม (สำนักวิปัสสนา ) ต้องรอหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้าตรวจสอบอีกครั้ง
สาทร คชวงษ์ / บรรณาธิการข่าว