เพื่อปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล พล.ต.บรรยง ทองน่วม ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 .ผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์ ได้บูรณาการร่วมกันกับ นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังป้องกัน และปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการลักลอบข้ามชายแดนเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายของแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ชุดปฏิบัติการข่าวที่ 2 กองกำลังสุรสีห์ ร่วมกับ ร่วมกับชุดปฏิบัติการข่าวกรมทหารพรานที่ 14 ทำการลาดตระเวนหาข่าวพิสูจน์พื้นที่คน บริเวณดงอ้อยหมู่ที่ 15 บ้านใหม่ห้วยน้ำขาว ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ที่หลบซ่อนของแรงงานต่างด้าว จำนวน 51 คน ชาย 29 คน หญิง 22 คน จากนั้นจึงประสาน หมวดลาดตระเวนที่ 4 หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ และอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) อำเภอเมือง ประจำจุดตรวจห้วยน้ำขาว เข้าดำเนินการ ร่วมกันทำการจับกุมจากการสอบถามแรงงานต่างด้าวเดินทางมาจาก จังหวัดพะโค จังหวัดย่างกุ้ง จังหวัดทวาย ประเทศเมียนมา จะเดินทางไปทำงานที่ กรุงเทพฯ. จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรปราการจังหวัดชลบุรีจังหวัดราชบุรี จังหวัดสงขลา และจังหวัดกาญจนบุรี โดยเสียค่าใช้จ่ายให้นายหน้าไปแล้ว 17,000 – 25,000 บาท ต่อคน บางคนจ่ายแล้ว บางคนจ่ายเมื่อถึงจุดหมาย โดยแรงงานต่างด้าวเดินมาช่องธรรมชาติ ทางด้านทิศตะวันออก ของช่องทางพุน้ำ เข้าดำเนินการ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำประวัติและตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของแรงงานต่างด้าวทั้งหมด ขั้นต้นไม่พบผู้ที่มีอุณหภูมิร่างกายเกิน 37.5องศา เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวแรงงานต่างด้าวทั้งหมดไว้ไปที่จุดตรวจบ้านห้วยน้ำขาว เพื่อรอให้ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.)ผลักดันกลับประเทศที่ บริเวณช่องทางธรรมชาติ (หุบสังข์ทอง) บ้านพุน้ำร้อน หมู่ที่ 12 ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
จากการสอบถามรายงานต่างด้าวให้การว่า พวกตนได้ดินทางอยู่ในประเทศเมียนมาเป็นเวลา 4 วัน จากนั้นช่วงเย็นวันที่ 21 มกราคม.2565 ได้มีผู้นำพาจากฝั่งประเทศเมียนมา นำทางเข้ามาในประเทศไทย และให้รอมารถรับพวกตน ซึ่งในระหว่างที่พวกตนนั่งพักอยู่นั้น ได้มีเจ้าหน้าที่แสดงตัวและเข้าจับกุม
ปัจจุบันกลุ่มขบวนการในพื้นที่ บ้านใหม่ห้วยน้ำขาว หมู่ที่ 15 บ้านห้วยน้ำขาว หมู่ที่ 2 บ้านพุน้ำร้อน หมู่ที่ 12 ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ใช้วิธีการพาแรงงานต่างด้าวเดินในระยะไกลขึ้น ทั้งนี้ยังนำรถยนต์ – รถจักรยานยนต์ นำแรงงานต่างด้าวจากบริเวณชายเขาและไปพักคอยใกล้กับถนนหลัก โดยจะมีรถยนต์มารับแรงงานต่างด้าวเข้าสู่พื้นที่ตอนในต่อไป โดยแต่ละครั้งกลุ่มขบวนการจะมีต้นทางขี่รถจักรยานยนต์คอยดูเจ้าหน้าที่ เนื่องจากหลีกเลี่ยงการติดตามและจับกุมของเจ้าหน้าที่ เป็นที่น่าสังเกตว่า เพราะเหตุใดแรงงานต่างด้าวพลบหนีเข้าเมืองที่ถูกจับ เป็นแรงงานต่างด้าวที่เคยเดินทางเข้ามาถูกจับและส่งกลับประเทศมาแล้วเดินทาเข้ามาอีก บางคนโดนจับส่งกลับประเทศหลายครั้งแล้ว ยังเดินทางเข้ามาอีก ปัจจุบันยังมีแรงงานต่างด้าวที่อยู่ในพื้นที่ บริเวณสันแดน ไทย – เมียนมา มีแรงงานเตรียมที่จะลักลอบเข้ามาในประเทศไทยอีกเป็นจำนวนมาก และเมื่อเจ้าที่ชุดจับกุมได้ทำการจับกุมแรงงานต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ต้องหาอาหารเพื่อให้แรงงานต่างด้าวได้กินก่อน ที่จะส่งตัวให้เจ้าหน้าไปดำเนินการตามกฎหมาย เพราะระหว่างที่แรงานที่รอนายหน้ามารับ ส่วนใหญ่ ไม่ได้รับประทานอาหารมาเป็นเวลาหลายวัน บางชุดมีเด็กเล็กติดตามมาด้วย จึงเป็นปัญหาให้ชุดจับกุมทุกครั้ง เพราะชุดจับกุมไม่มีงบประมาณค่าอาหารให้กับแรงงานที่หลบหนีเข้าเมือง
ภาพข่าว / เกษร เสมจันทร์ กาญจนบุรี
สาทร คชวงษ์ / บรรณาธิการข่าว